วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
ใบงานที่ 5 บทความสารคดีที่นำมาใช้สำหรับการเขียนโครงร่าง
ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้
ชื่อวิทยาศาสตร์ Aloe vera (L.) Burm.f. จัดอยู่ในวงศ์ XANTHORRHOEACEAE และอยู่ในวงศ์ย่อย ASPHODELOIDEAE
สมุนไพรว่านหางจระเข้ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ เช่น ว่านไฟไหม้
(ภาคเหนือ), หางตะเข้ (ภาคกลาง) เป็นต้น
ต้นว่านหางจระเข้ มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา
โดยจัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี มีความสูงประมาณ 0.5-1 เมตร
ลำต้นเป็นข้อปล้องสั้น มีใบเป็นใบเดี่ยว ใบหนาและยาว อวบน้ำ แผ่นใบมีสีเขียว
มีจุดยาวสีขาวอ่อนออกเรียงเวียนรอบต้น โคนใบใหญ่ ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก
มีหนามแหลมเล็ก ๆ สีขาวอยู่ห่างกัน ข้างในใบเป็นวุ้นสีเขียวอ่อน
ส่วนดอกว่านหางจระเข้ ออกดอกเป็นช่อกระจะที่ปลายยอด ดอกมีสีแดงอมสีเหลือง
ก้านช่อดอกยาว โคมเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 6 แฉก
เรียงเป็น 2 ชั้น เป็นรูปแตร ส่วนผลว่านหางจระเข้
เป็นผลแห้งคล้ายรูปกระสวย
คำว่า
“อะโล” (Aloe) มาจากภาษากรีกโบราณที่หมายถึงว่านหางจระเข้
ซึ่งเป็นคำที่แผลงมาจากคำว่า “Allal” ในภาษายิวที่มีความหมายว่าฝาดหรือขม
เพราะเมื่อคนได้ยินคำนี้ก็จะนึกถึงว่านหางจระเข้นั่นเอง
ว่านหางจระเข้ปกติแล้วเป็นพืชที่ขึ้นในเขตร้อนและภายหลังได้แพร่ขยายพันธุ์ไปสู่เอเชียและยุโรป
จนทุกวันนี้ว่านหางจระเข้ก็เป็นที่นิยมของทั่วโลกไปแล้ว
โดยว่านหางจระเข้จะมีมากมายกว่า 300 สายพันธุ์
ซึ่งมีตั้งแต่ขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตรไปจนถึงสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่
ลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายเข็ม
มีเนื้อหาและในเนื้อมีน้ำเมือกเหนียว
เมื่อพูดถึง สมุนไพรว่านหางจระเข้ เรามักจะนึกถึงสรรพคุณในการรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลสด
ช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน ใช้ทาเพื่อป้องรอยแผลเป็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ
ซึ่งสารที่สามารถใช้รักษาแผลดังกล่าวได้เป็นสาร Glycoprotein ที่มีชื่อว่า Aloctin A เป็น Anti-inflammatory
ที่พบได้ในทุก ๆ ส่วนของว่านหางจระเข้
ซึ่งนอกจากสรรพคุณดังกล่าวแล้วยังมีประโยชน์ของว่านหางจระเข้อื่น
ๆ อีกมากมาย
สรรพคุณของว่านหางจระเข้
1.
ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
ด้วยการรับประทานเนื้อวุ้น หรือจะทำเป็นน้ำปั่นว่านหางจระเข้มาดื่มก็ได้
ก็จะช่วยบรรเทาอาการและป้องกันโรคเบาหวานได้
2.
ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยแก้อาการปวดศีรษะ
ด้วยการตัดใบสดของว่านหางจระเข้แล้วทาปูนแดงด้านหนึ่ง
แล้วเอาด้านที่ทาปูนปิดตรงขมับ จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ (ใบ)
3.
วุ้นว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
ช่วยป้องกันและลดการเกิดแผลในกระเพาะขณะท้องว่าง ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารต่าง
ๆ
4.
สรรพคุณว่านหางจระเข้ช่วยแก้กระเพาะลำไส้อักเสบ
ด้วยการใช้ใบนำมาปอกเปลือกเอาแต่วุ้น นำมารับประทานวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ
(เนื้อวุ้น)
5.
ใช้เป็นถ่าย
ยาระบาย ที่เปลือกของว่านหางจระเข้จะมีน้ำยางสีเหลือง ในน้ำยางจะมีสารแอนทราควิโนน
(Anthraquinone) ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย
หากนำน้ำยางไปเคี่ยวให้น้ำระเหยออกแล้วทิ้งไว้ให้เย็น ก็จะได้สารสีน้ำตาลเกือบดำ
หรือเรียกว่า “ยาดำ”
ซึ่งยาดำนี้เองใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยาแผนโบราณที่ต้องการให้มีฤทธิ์เป็นยาระบายอยู่หลายตำรับ
(ยางในใบ)
6.
ช่วยรักษาอาการท้องผูก
ด้วยการกรีดเอายางจากว่านหางจระเข้มาเคี่ยวให้งวด ทิ้งไว้ให้เย็นจะได้ก้อนยาสีดำ
(ยาดำ) แล้วตักมาใช้ประมาณช้อนชา เติมน้ำเดือด 1
ถ้วย แล้วคนจนละลาย โดยผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 2 ช้อนชาก่อนนอน แต่ถ้าเป็นเด็กให้รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชาก่อนนอน
7.
ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร
ด้วยการใช้เนื้อวุ้นจากใบเหลาให้เป็นปลายแหลมเล็กน้อย
และนำไปแช่ตู้เย็นหรือน้ำแข็งจนเนื้อแข็ง แล้วนำไปใช้เหน็บในช่องทวารหนัก
ควรหมั่นทำเป็นประจำวันละ 1-2 ครั้งจนกว่าจะหาย
(เนื้อวุ่น)
8.
ช่วยแก้หนองใน
(ราก, เหง้า)
9.
ช่วยแก้มุตกิดหรือระดูขาวของสตรี
(ราก, เหง้า)
10.ทั้งต้นของว่านหางจระเข้มีรสเย็น
ใช้ดองกับสุรานำมาดื่มช่วยขับน้ำคาวปลาได้ (ทั้งต้น)
11.ช่วยบรรเทาและแก้อาการปวดตามข้อ
ด้วยการรับประทานเนื้อวุ้นครั้งละ 1-2
ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้งเป็นประจำ
จะช่วยทำให้อาการปวดดีขึ้น (วุ้นจากใบ)
12.ใบว่านหางจระเข้มีรสเย็น นำมาตำผสมกับสุราใช้พอกรักษาฝีได้
(ใบ)
13.ช่วยรักษาแผลสด แผลจากของมีคม
แผลที่ริมฝีปาก แก้ฝี แก้ตะมอย
ด้วยการใช้วุ้นจากใบนำมาแปะบริเวณแผลให้มิดชิดและใช้ผ้าปิดไว้
แล้วหยอดน้ำเมือกลงตรงแผลให้ชุ่มอยู่เสมอ หรือจะเตรียมเป็นขี้ผึ้งก็ได้
(วุ้นจากใบ)
14.ช่วยรักษาแผลถลอกและแผลจากการถูกครูด
(แผลพวกนี้จะเจ็บปวดมาก) ให้ใช้วุ้นว่านหางจระเข้นำมาทาแผลเบา ๆ
ในวันแรกต้องทาบ่อย ๆ จะช่วยในการสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น
และทำให้ไม่เจ็บแผลมาก (วุ้นจากใบ)
15.ช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
ช่วยดับพิษร้อนบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนจากแผล ด้วยการใช้วุ้นจากใบสดที่ล้างน้ำสะอาด
แล้วฝานบาง ๆ นำมาทาหรือแปะไว้บริเวณแผลตลอดเวลา
จะช่วยทำให้แผลหายเร็วมากขึ้นและอาจไม่เกิดรอยแผลเป็นด้วย (วุ้นจากใบ)
16.ช่วยขจัดรอยแผลเป็น ทำให้แผลเป็นจางลง
ป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น (วุ้นจากใบ)
17.ช่วยรักษาตาปลาและฮ่องกงฟุต
ด้วยการใช้วุ้นจากใบที่ล้างสะอาดแล้ว นำมาปิดไว้บริเวณที่เป็นและหมั่นเปลี่ยนบ่อย
ๆ จนกว่าจะดีขึ้น (วุ้นจากใบ)
18.วุ้นจากใบใช้ทาเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด
ด้วยการใช้วุ้นจากใบทาก่อนออกแดด หรือจะใช้ใบสดก็ได้ แต่ใบสดอาจทำให้ผิวหนังแห้ง
เพราะใบมีฤทธิ์ฝาดสมาน ถ้าต้องการลดการทำให้ผิวแห้ง
ก็อาจจะใช้ร่วมกับน้ำมันพืชหรืออาจเตรียมเป็นโลชั่นก็ได้ (วุ้นจากใบ)
19.ช่วยรักษาอาการผิวหนังไหม้จากแสงแดด
หรือไหม้เกรียมจากการฉายรังสี หรือแผลเรื้อรังจากการฉายรังสี
โดยนำวุ้นของว่ายหางจระเข้มาทาผิวบ่อย ๆ ก็จะช่วยลดการอักเสบได้ แต่ถ้าไปนาน
ๆระวังผิวแห้ง ควรผสมกับน้ำมันพืช เว้นแต่ว่าจะทำให้ผิวเปียกชุ่มอยู่ตลอดเวลา
(วุ้นจากใบ)
20.วุ้นจากใบใช้ทาเพื่อรักษาฝ้า
(วุ้นจากใบ)
21.ช่วยรักษาโรคเรื้อนกวาง
(โรคสะเก็ดเงิน) ช่วยลดการตกสะเก็ดและลดอาการคันของโรคเรื้อนกวาง ทำให้แผลดูดีขึ้น
(วุ้นจากใบ)
ประโยชน์ของว่านหางจระเข้
1.
น้ำว่านหางจระเข้ สามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
มีส่วนช่วยชะลอความแก่ชรา และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้อีกด้วย
2.
ว่านหางจระเข้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
รวมไปถึงกรดอะมิโนอีกหลายชนิดที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น
ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุทองแดง ธาตุแมงกานีส ธาตุซีลีเนียม
ธาตุโครเมียม วิตามินเอ วิตามินซี วิตามิอี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3
วิตามินบี 6 วิตามินบี 9 โคลีน และยังเป็นพืชเพียงไม่กี่ชนิดที่มีวิตามินบี 12 ด้วย
3.
ช่วยในการย่อยอาหาร
ทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ ช่วยในการดีท็อกซ์ล้างสารพิษในร่างกาย
ช่วยในการทำงานของระบบกระเพาะอาหาร และช่วยลดปริมาณของเชื้อแบคทีเรียในลำไส้
4.
จากวารสารแพทย์อังกฤษตีพิมพ์ในปี
2000 (British medical journal) ระบุว่าสารสกัดจากว่านหางจระเข้สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
ช่วยควบคุมความดันโลหิตและเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
และอาจจะมีความเป็นไปได้ว่ามันสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย
5.
ช่วยป้องกันและแก้อาการเมารถเมาเรือ
ด้วยการรับประทานเนื้อวุ้นว่านหางจระเข้หรือน้ำว่านหางจระเข้เย็น
ๆ ก็จะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้
6.
การใช้วุ้นว่านหางจระเข้ทาเป็นประจำวันละ
2-4 ครั้ง
จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง
7.
ช่วยบำรุงผิวพรรณ
ช่วยทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม ดูชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวแห้งกร้านตามหัวเข่า, ข้อศอก หรือส้นเท้าได้
เพียงแค่ใช้วุ้นจากใบว่านหางจระเข้แช่ในอ่างอาบน้ำ
ในระหว่างอาบให้ใช้เนื้อวุ้นถูตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ต้องการ
หากทำเป็นประจำก็จะช่วยทำให้ผิวพรรณของคุณเนียนนุ่มชื่นชื้นและเต่งตึงได้
8.
ช่วยเติมน้ำให้ผิว
ทำให้ผิวหน้าและผิวกายชุ่มชื้น และป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
เพียงแค่ใช้วุ้นจากใบว่านหางจระเข้นำมาพอกให้ทั่วบริเวณใบหน้าหรือบริเวณผิวที่ต้องการ
ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
จะช่วยทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้นสดใสและดูเต่งตึงขึ้น
9.
ว่านหางจระเข้รักษาสิว ยับยั้งการติดเชื้อที่เป็นสาเหตุของสิว
ช่วยลดรอยดำจากสิว และช่วยลดความมันบนใบหน้า
เพราะในใบว่างหางจระเข้จะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ (ไม่แนะให้ใช้กับสิวอักเสบ
เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย)
10.ช่วยรักษาจุดด่างดำตามผิวหนัง
อันเนื่องมาจากแสงแดดหรือจากอายุที่มากขึ้น ด้วยการใช้วุ้นจากใบสดนำทาที่ผิววันละ 2 ครั้งหลังอาบน้ำ
และต้องทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจึงจะเห็นผล
11.ช่วยป้องกันการเกิดฝ้า
หากใช้ว่านหางจระเข้เป็นประจำก็จะช่วยป้องกันการเกิดฝ้าได้เป็นอย่างดี
(ไม่ใช่การรักษาแต่เป็นการป้องกัน)
12.วุ้นจากใบสดใช้ชโลมบนเส้นผม จะช่วยทำให้เส้นผมสลวย
ผมดกเป็นเงางาม ช่วยป้องกันและขจัดรังแค ช่วยบำรุงต่อมที่รากผมให้มีสุขภาพดี
และยังช่วยรักษาแผลบนหนังศีรษะได้อีกด้วย
13.ในฟิลิปปินส์
ใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ร่วมกับเนื้อในของเมล็ดสะบ้า
ในการรักษาผมร่วงหรือหนังศีรษะล้าน
14.ปัจจุบันได้มีการทดลองใช้วุ้นจากใบเพื่อรักษาคนไข้ที่เป็นแผลกดทับ
(Bedsore)
15.ประโยชน์ว่านหางจระเข้ช่วยลบท้องลายหลังคลอด
ด้วยการใช้วุ้นของว่านหางจระเข้มาทาบริเวณท้องเป็นประจำทั้งในขณะตั้งครรภ์และหลังคลอด
16.ช่วยแก้เส้นเลือดดำขอดบริเวณขา
ด้วยการใช้วุ้นว่านหางจระเข้มาทาบริเวณที่เป็นเส้นเลือดขอดเป็นประจำ
17.สาร Aloctin
A พบว่ามันสามารถช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้หลายโรค เช่น โรคมะเร็ง
ช่วยแก้อาการแพ้ รักษาโรคผิวหนัง เป็นต้น
18.ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
หลายรูปแบบ ที่ผลิตมาจากว่านหางจระเข้ เช่น เครื่องสำอาง โลชัน สบู่ แชมพู
ครีมบำรุงผิว ครีมทาใต้ตา ครีมรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ครีมทาแผลสดแผลพุพอง เจลว่านหางจระเข้ เจลทรีตเมนต์บำรุงผิวหน้า ฯลฯ
19.นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังสามารถนำมาทำเป็นอาหารจำพวกของหวานได้อีกด้วย
เช่น น้ำวุ้นลอยแก้ว วุ้นแช่อิ่ม นำมาปั่นทำเป็นน้ำว่านหางจระเข้ เป็นต้น
สูตรว่านหางจระเข้พอกหน้า
·
สูตรบำรุงผิวหน้า
กระชับรูขุมขน เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ด้วยการใช้วุ้นว่านหางจระเข้บด 1 ช้อนโต๊ะ /
น้ำแตงกวา 1-2 ช้อนโต๊ะ / ดินสอพอง 1.5 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมจนเข้ากันแล้วใช้พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
·
สูตรลดสิว
รักษารอยดำจากสิว ด้วยการใช้วุ้นว่านหางจระเข้บด
1 ช้อนโต๊ะ / ไข่ขาว 2 ช้อนโต๊ะ /
ดินสอพอง 1.5 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมจนเข้ากัน
ใช้ทาบริเวณใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก
·
สูตรลดความมัน
แก้ปัญหาจุดด่างดำ ด้วยการใช้วุ้นว่านหางจระเข้บด
1 ช้อนโต๊ะ / น้ำมะนาว 1 ช้อนชา /
น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา / ดินสอพอง 2 ช้อนโต๊ะ
นำมาผสมให้เข้ากันแล้วนำมาพอกบริเวณใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก
·
สูตรผิวหน้ากระจ่างใส ด้วยการใช้วุ้นว่านหางจระเข้ 1 ช้อนโต๊ะ / นมสด 1.5 ช้อนโต๊ะ / ดินสอพอง 1 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมจนเข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก
·
สูตรเพิ่มความกระจ่างใส
ลดความมัน ด้วยการใช้วุ้นว่านหางจระเข้
1 ช้อนโต๊ะ / นมสด 1.5 ช้อนโต๊ะ /
ขมิ้นผง 2 ช้อนชา นำมาผสมจนเข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ
15 นาทีแล้วล้างออก
คำแนะนำในการใช้ว่านหางจระเข้
·
การเลือกใช้ใบจากต้นว่านหางจระเข้ควรเลือกต้นที่มีอายุมากกว่า
1 ขึ้นไป
และให้เลือกใบล่างสุดเพราะจะอวบโตและมีวุ้นมากกว่าใบที่อยู่ด้านบน
·
เนื่องจากวุ้นของว่านหางจระเข้ไม่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ
ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ควรปอกโดยใช้เทคนิคปลอดเชื้อ Aseptic
technique เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
·
การนำวุ้นมาใช้เพื่อรักษาแผลจำเป็นต้องล้างน้ำให้สะอาด
เพื่อป้องกันน้ำยางจากเปลือกที่มีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone)
เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้
·
ว่านหางจระเข้จะมีคุณภาพสูงสุดเมื่อตัดมาแล้วใช้ทันที
และจะมีสรรพคุณทางยาที่ดีกว่าผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
·
วุ้นของว่านหางจระเข้จะไม่คงตัวเท่าไหร่นัก
ดังนั้นถ้าปอกแล้วจะเก็บไว้ได้เพียง 6
ชั่วโมงเท่านั้น
·
หากนำว่านหางจระเข้ไปแช่ในตู้เย็นจนเย็นก่อนการนำมาใช้
จะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นเย็นสบายมากยิ่งขึ้น
·
การใช้เพื่อใช้เป็นยาถ่าย
ยาระบาย ไม่ควรใช้กับหญิงตั้งครรภ์หรือหญิงที่กำลังจะมีประจำเดือน
รวมไปถึงผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวารด้วย
·
การใช้วุ้นจากใบเพื่อใช้เป็นยาทาภายนอก
สำหรับบางรายแล้วอาจจะเกิดอาการแพ้ได้ (จากงานวิจัยพบว่าไม่ถึง 1%) โดยลักษณะของอาการแพ้หลังจากหรือปิดวุ้นลงบนผิวหนัง
จะทำให้ผิวหนังเป็นผื่นแดงบาง ๆ หรืออาจมีอาการเจ็บแสบด้วย
โดยอาการจะแสดงหลังจากทาไปแล้วประมาณ 2-3 นาที ถ้าคุณมีอาการแพ้หลังการใช้วุ้นว่านหางจระเข้
ก็ให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาด และเลิกใช้ทันที
วัสดุ- อุปกรณ์และสารเคมีที่ใช้ทำ เจลล้างมือว่านหางจระเข้
1. กะละมัง
2. มีด
3. ขวดใส่ผลิตภัณฑ์
4. ช้อน
5. ถ้วยตวง
6. ผ้าขาวบาง
7. ผลมะนาว
8. ว่านหางจระเข้
วิธีการทำเจลล้างมือว่านหางจระเข้
1.
นำว่านหางจระเข้ ล้างทำความสะอาดภายนอก ปลอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก
ๆ
2. นำเนื้อว่านหางจระเข้ไปล้างน้ำอุ่น เพื่อล้างยางออก
3.
นำไปปั่นในเครื่องปั่นให้ละเอียด
4.
นำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง บีบคั้น
ให้น้ำเจลออกมาใน ปริมาณ 1:2 ของแอลกอฮอล์ ประมาณ 2:1
ของว่านหางจระเข้
5. นำน้ำที่ได้มากรองใส่แอลกอฮอล์ ประมาณ
2:1 ของว่านหางจระเข้
6.
ใส่มะนาวลงในน้ำเพื่อดับกลิ่นของว่านหางจระเข้
7. คนให้เข้ากันแล้วเทใส่ขวดผลิตภัณฑ์ที่เตรียมไว้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)